Dr-wittaya Article


กฎอัตราของปฏิกิริยาเคมี

กฎอัตราเร็วของปฏิกิริยา (Rate Law) 

                ในการเกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ  พบว่าส่วนใหญ่แล้วอัตราเร็วของปฏิกิริยาจะสัมพันธ์กับความเข้มข้นของสารตั้งต้น  แต่เป็นไปได้หลายรูปแบบ    ความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิดอาจมีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาแตกต่างกัน  และสารตั้งต้นบางชนิดอาจไม่มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาก็ได้   กฎอัตราเร็วคือการเขียนสมการเพื่อแสดงว่าอัตราเร็วของปฏิกิริยามีความสัมพันธ์กับความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิดในรูปแบบใด 

                ถ้าปฏิกิริยาคือ      A(aq)  +  B(aq)  -------->  AB(aq)

รูปแบบของกฎอัตราเร็วจะเป็นดังนี้

                R  =  k[A]m[B]n

                     R  หมายถึง  อัตราเร็วของปฏิกิริยาต่าง ๆ
                     k   หมายถึง  ค่าคงที่ของอัตราเร็ว  หาได้จาก  

                    m , n  หมายถึง  เลขยกกำลังของจำนวนเท่าของความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิด ที่มีค่าเท่ากับเลขยกกำลังของจำนวนเท่า ของ R ที่เพิ่มขึ้นอันมีผลมาจากความเข้มข้นของสารนั้น ๆ                

                การเขียนกฎอัตราเร็วทำได้  3  วิธีคือ

                                1.  สำหรับปฏิกิริยาขั้นตอนเดียว  ให้เขียนกฎอัตราเร็วได้จากสมการแสดงปฎิกิริยาโดยตรง  เช่น

                                   A(aq)  +  B(aq) --->  AB(aq)    กฎอัตราเร็วคือ   R  =  k[A][B]

                                   2A(aq)  +  2B(aq) ---> 2AB(aq)  กฎอัตราเร็วคือ   R  =  k[A]2[B]2

                                  2A(aq)  +  3B(aq) --->  A2B3(aq)  กฎอัตราเร็วคือ   R  =  k[A]2[B]3

                              2.   สำหรับปฏิกิริยาที่ประกอบด้วยขั้นตอนมากกว่า  1  ขั้นตอน  แต่ทราบว่าขั้นตอนใดเป็นขั้นกำหนดอัตราเร็ว  (ขั้นที่เกิดช้า ที่สุด  คือมีค่า Ea  สูงสุด  เรียกว่าขั้นกำหนดอัตราเร็ว, Rate determining step)  ให้เขียนกฎอัตราเร็วจากสมการแสดงปฏิกิริยาขัhนที่เกิดช้า  เช่น 

                                    ปฏิกิริยา   A(aq) --->  E(aq)  ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย ๆ ดังนี้

ขั้นที่  1  A(aq)  +  B(aq)  è  C(aq)       ……  เกิดเร็ว

ขั้นที่  2  C(aq)  +  2D(aq)  è  E(aq)    ………เกิดช้า

เขียนกฎอัตราเร็วจากสมการ  ขั้นที่  2   ;  R  =  k[C][D]2

                               3.  สำหรับปฏิกิริยาที่ไม่ทราบว่ามีกี่ขั้นตอนและไม่ทราบว่าขั้นตอนใดเป็นขั้นกำหนดอัตราเร็ว  การเขียนกฎอัตราเร็วจะเป็นเรื่องยุ่งยาก  เพราะจะต้องนำผลการทดลองมาพิจารณาว่าความเข้มข้นของสารตั้งต้นชนิดใดมีผลหรือไม่มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยา  สารตั้งต้นที่ไม่มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาไม่ต้องนำมาเขียนในกฎอัตราเร็ว  หรือถ้าจะเขียนให้เขียนในรูป  [ความเข้มข้น]0  เช่น  ปฏิกิริยา  A(aq)  +  B(aq)  +  C(aq)  è  D(aq)   มีผลการทดลองดังนี้

 

การทดลองที่

[A] ,mol/dm3

[B] ,mol/dm3

[C] ,mol/dm3

เวลา (min)

[D],mol/dm3.s

1

1.0

1.0

1.0

10

1.0

2

2.0

1.0

1.0

10

2.0

3

1.0

2.0

1.0

10

4.0

4

1.0

1.0

2.0

10

1.0

5

2.0

2.0

2.0

10

เท่าไร


             รูปแบบของกฎอัตราเร็วคือ  ;  R  =  k[A]m[B]n

ก่อนอื่นต้องพิจารณาว่าความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิด  มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาหรือไม่อย่างไร  วิธีพิจารณาก็คือเปรียบเทียบระหว่างการทดลองต่าง ๆ ที่ความเข้มข้นของสารตั้งต้นชนิดนั้นเปลี่ยนไป  ใขขณะที่ความเข้มข้นของสารอื่น ๆ คงที่  เช่นถ้าต้องการทราบว่า  [A]  มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาหรือไม่  ควรพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างการทดลองที่ 1 กับ 2  ซึ่ง  [A] เพิ่มขึ้นเป็น  2  เท่า  ในขณะที่  [B]  และ [C]  คงที่  ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีผลให้อัตราเร็วของปฏิกิริยา
 ( R)  เพิ่มขึ้นเป็น  2  เท่าเช่นกัน   นำความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเท่าของ  [A] ที่เพิ่มขึ้น  กับจำนวนเท่าของ R ที่เพิ่มขึ้นมาเขียนในรูปสมการ  ดังนี้

                [A]m     =       R

                [2]m     =        2

                      m   =       1

เมื่อต้องการทราบว่า [B]  มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาหรือไม่  เปรียบเทียบระหว่างการทดลองที่ 1 กับ 3  ซึ่งเพิ่ม [B] ขึ้นเป็น  2  เท่า  ในขณะที่ความเข้มข้นของสารอื่น ๆ คงที่  พบว่าทำให้อัตราเร็วของปฏิกิริยา ( R)  เพิ่มขึ้นเป็น  4  เท่า นำความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเท่าของ  [A] ที่เพิ่มขึ้น  กับจำนวนเท่าของ R ที่เพิ่มขึ้นมาเขียสสมการ  ดังนี้

                                [B]n     =       R

                                [2]n      =       4

                                [2]n     =    22

                                 n   =    2

เมื่อต้องการทราบว่า [C]  มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาหรือไม่  เปรียบเทียบการทดลองที่ 1 กับ 4 ซึ่งเพิ่ม [C] ขึ้นเป็น  2  เท่า   แต่พบว่าอัตราเร็วของปฏิกิริยายังคงที่  แสดงว่า [C] ไม่มีผลต่ออัตราเร็ว   นำความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเท่าของ  [C] ที่เพิ่มขึ้น  กับจำนวนเท่าของ R ที่เพิ่มขึ้นมาเขียนสมการ  ดังนี้

                [C]x     =    R0

                 x    =    0

กฎอัตราเร็วเป็นดังนี้  ;     R    =    k[A][B]2[C]0

                    หรือ             R    =    k[A][B]2

**  ค่า  k  เป็นค่าคงที่ของอัตราเร็วของปฏิกิริยานั้น ๆ  ( ไม่ว่าจะคิดค่า k  จากผลการทอลองใดก็จะได้ค่าเท่ากัน  เช่น)

                คิดจากการทดลองที่  1  ;      R    =    k[A][B]2

                                                     1    =     k[1][1]2

                                                     k    =    1

                คิดจากการทดลองที่ 2   ;      R    =    k[A][B]2

                                                     2    =     k[2][1]2

                                                     k    =    1

                คิดจากการทดลองที่  3  ;      R    =    k[A][B]2

                                                     4    =     k[1][2]2

                                                     k    =    1

**  สำหรับการทดลองที่  5  ต้องการทราบว่า [D] เป็นเท่าไร  จะหาได้ดังนี้
                         จากกฎอัตราเร็ว      ;  R    =    k[A][B]2
                                                          =    k[2][2]2

                                                          =    1 x [2][2]2  

                                                          =     8  mol/dm3  ตอบ 


                ความยุ่งยากในการหากฎอัตราเร็วจะอยู่ที่ปฏิกิริยาซึ่งการเพิ่มความเข้มข้นของสารตั้งต้น  กับการเพิ่มขึ้นของอัตราเร็วไม่สัมพันธ์กันในรูปของเลขยกกำลังที่เป็นจำนวนเต็ม  เพราะจะต้องใช้  log  ในการคิดคำนวณ  เช่น
                ปฏิกิริยา ;   A(aq)  +  B(aq)  --->  AB(aq)  มีผลการทดลองดังนี้
                               

การทดลองที่

[A]

[B]

t(sec)

[AB]

1

1.00

1.00

10

1.00

2

2.00

1.00

10

3.00

3

1.00

2.00

10

5.300

 

รูปแบบของกฎอัตราเร็วคือ  ;  R  =  k[A]m[B]n
        เมื่อต้องการทราบว่า [A]  มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาอย่างไร  ควรเปรียบเทียบระหว่างการทดลองที่  1  กับ  2  เพราะมีการเพิ่ม  [A]  โดย  [B]  คงที่  ผลการเปรียบเทียบเป็นดังนี้

                                                             [A]m         =                 R          
                                                             [2]m         =                 3
                                                               log[2]m   =                 log3
                                                               m(log2)  =                 log3
                                                               0.301m  = 0.477
                                                                     m    =

                                                                            =  1.58
               เมื่อต้องการทราบว่า  [B]  มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาอย่างไร  ควรเปรียบเทียบระหว่างการทดลองที่  1  กับ  3 เพราะมีการเพิ่ม  [B]  โดย  [A]  คงที่  ผลการเปรียบเทียบจะเป็นดังนี้
                                                             [B]n         =                 R

                                                            [2]n          =                 5
                                                              log[2]n    =                 log5
                                                             n(log2)    =                 log5
                                                              0.301n   =                 0.699
                                                               n          =                 2.32

เพราะฉะนั้นกฎอัตราเร็วของปฏิกิริยาดังกล่าวนี้คือ  ;            R       =     k[A]1.58[B]2.32

                ค่าคงที่ของอัตราเร็วจะเป็นดังนี้ (คิดจากการทดลองใดก็ได้ค่าเท่ากัน  จะคิดจากการทดลองที่  1 )
                                                                  R             =     k[A]1.58[B]2.32
                                                                   k            =   1



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
ติชม

กำลังแสดงหน้า 1/0
<<
1
>>

ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?

0
คะแนนโหวด
สร้างโดย :


Dr-wittaya
รายละเอียด Share
สถานะ : ผู้ใช้ลงทะเบียน
วิทยาศาสตร์


โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล
70 หมู่ 2 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170
โทรศัพท์ 0 2441 3593 E-Mail:satriwit3@gmail.com


Generated 0.530789 sec.