อัตราเร็วของปฏิกิริยา ตอนที่ 4 กฎอัตราเร็วและอันดับของปฏิกิริยา
อัตราเร็วของการเกิดปฏิกิริยาเคมี (Rate of chemical reaction , R,r)
ตอนที่ 4
กฎอัตราเร็วของปฏิกิริยา
(Rate Law) และอันดับของปฏิกิริยา
(Order of reaction)
กฎอัตราเร็วของปฏิกิริยา
(Rate
Law)
ในการเกิดปฏิกิริยาต่าง
ๆ พบว่าส่วนใหญ่แล้วอัตราเร็วของปฏิกิริยาจะสัมพันธ์กับความเข้มข้นของสารตั้งต้น แต่เป็นไปได้หลายรูปแบบ ความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิดอาจมีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาแตกต่างกัน และสารตั้งต้นบางชนิดอาจไม่มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาก็ได้
กฎอัตราเร็วคือการเขียนสมการเพื่อแสดงว่าอัตราเร็วของปฏิกิริยามีความสัมพันธ์กับความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิดในรูปแบบใด
ถ้าปฏิกิริยาคือ A(aq) +
B(aq) è
AB(aq)
รูปแบบของกฎอัตราเร็วจะเป็นดังนี้ R
= k[A]m[B]n
R หมายถึง
อัตราเร็วของปฏิกิริยาต่าง ๆ
k
หมายถึง
ค่าคงที่ของอัตราเร็ว
หาได้จาก
m , n หมายถึง
เลขยกกำลังของจำนวนเท่าของความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิด ที่มีค่าเท่ากับเลขยกกำลังของจำนวนเท่า ของ R ที่เพิ่มขึ้นอันมีผลมาจากความเข้มข้นของสารนั้น
ๆ
การเขียนกฎอัตราเร็วทำได้ 3
วิธีคือ
1. สำหรับปฏิกิริยาขั้นตอนเดียว
ให้เขียนกฎอัตราเร็วได้จากสมการแสดงปฎิกิริยาโดยตรง เช่น
A(aq) +
B(aq) è
AB(aq) กฎอัตราเร็วคือ R
= k[A][B]
2A(aq)
+ 2B(aq) è 2AB(aq)
กฎอัตราเร็วคือ R = k[A]2[B]2
2A(aq)
+ 3B(aq) è A2B3(aq) กฎอัตราเร็วคือ R
= k[A]2[B]3
2. สำหรับปฏิกิริยาที่ประกอบด้วยขั้นตอนมากกว่า 1
ขั้นตอน
แต่ทราบว่าขั้นตอนใดเป็นขั้นกำหนดอัตราเร็ว (ขั้นที่เกิดช้า ที่สุด คือมีค่า Ea สูงสุด
เรียกว่าขั้นกำหนดอัตราเร็ว, Rate determining
step)
ให้เขียนกฎอัตราเร็วจากสมการแสดงปฏิกิริยาขัhนที่เกิดช้า เช่น
ปฏิกิริยา
A(aq) è
E(aq) ประกอบด้วยขั้นตอนย่อย
ๆ ดังนี้
ขั้นที่
1 A(aq) +
B(aq) è
C(aq) …… เกิดเร็ว
ขั้นที่
2 C(aq) +
2D(aq) è
E(aq) ………เกิดช้า
เขียนกฎอัตราเร็วจากสมการ ขั้นที่
2 ; R
= k[C][D]2
กรณีที่กล่าวถึงในข้อ 1
และ 2 จะพบในเรื่องสมดุลเคมี เช่น
R1 และ
R2
คือปฏิกิริยาไปข้างหน้าและปฏิกิริยาย้อนกลับตามลำดับ
กฎอัตราเร็วของปฏิกิริยาไปข้างหน้าคือ ;
R1 = k1[A2][B2]
กฎอัตราเร็วของปฏิกิริยาย้อนกลับคือ ;
R2
= k2[AB]2
3. สำหรับปฏิกิริยาที่ไม่ทราบว่ามีกี่ขั้นตอนและไม่ทราบว่าขั้นตอนใดเป็นขั้นกำหนดอัตราเร็ว การเขียนกฎอัตราเร็วจะเป็นเรื่องยุ่งยาก
เพราะจะต้องนำผลการทดลองมาพิจารณาว่าความเข้มข้นของสารตั้งต้นชนิดใดมีผลหรือไม่มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยา
สารตั้งต้นที่ไม่มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาไม่ต้องนำมาเขียนในกฎอัตราเร็ว หรือถ้าจะเขียนให้เขียนในรูป [ความเข้มข้น]0 เช่น ปฏิกิริยา A(aq)
+ B(aq) +
C(aq) è
D(aq) มีผลการทดลองดังนี้
การทดลองที่
|
[A] ,mol/dm3
|
[B] ,mol/dm3
|
[C] ,mol/dm3
|
เวลา (min)
|
[D],mol/dm3.s
|
1
|
1.0
|
1.0
|
1.0
|
10
|
1.0
|
2
|
2.0
|
1.0
|
1.0
|
10
|
2.0
|
3
|
1.0
|
2.0
|
1.0
|
10
|
4.0
|
4
|
1.0
|
1.0
|
2.0
|
10
|
1.0
|
5
|
2.0
|
2.0
|
2.0
|
10
|
เท่าไร
|
รูปแบบของกฎอัตราเร็วคือ ; R = k[A]m[B]n
ก่อนอื่นต้องพิจารณาว่าความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิด
มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาหรือไม่อย่างไร
วิธีพิจารณาก็คือเปรียบเทียบระหว่างการทดลองต่าง ๆ
ที่ความเข้มข้นของสารตั้งต้นชนิดนั้นเปลี่ยนไป
ใขขณะที่ความเข้มข้นของสารอื่น ๆ คงที่
เช่นถ้าต้องการทราบว่า [A]
มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาหรือไม่
ควรพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างการทดลองที่ 1 กับ 2 ซึ่ง [A] เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในขณะที่ [B] และ [C]
คงที่
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีคผลให้อัตราเร็วของปฏิกิริยา
( R) เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเช่นกัน
นำความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเท่าของ [A] ที่เพิ่มขึ้น กับจำนวนเท่าของ R
ที่เพิ่มขึ้นมาเขียนในรูปสมการ ดังนี้
[A]m = R
[2]m =
2
m =
1
เมื่อต้องการทราบว่า [B] มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาหรือไม่ เปรียบเทียบระหว่างการทดลองที่ 1 กับ 3 ซึ่งเพิ่ม [B]
ขึ้นเป็น 2 เท่า ในขณะที่ความเข้มข้นของสารอื่น
ๆ คงที่ พบว่าทำให้อัตราเร็วของปฏิกิริยา (
R) เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า
นำความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเท่าของ [A]
ที่เพิ่มขึ้น
กับจำนวนเท่าของ R ที่เพิ่มขึ้นมาเขียสสมการ ดังนี้
[B]n = R
[2]n =
4
[2]n =
22
n = 2
เมื่อต้องการทราบว่า [C] มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาหรือไม่ เปรียบเทียบการทดลองที่ 1 กับ 3 ซึ่งเพิ่ม [C] ขึ้นเป็น 2 เท่า
แต่พบว่าอัตราเร็วของปฏิกิริยายังคงที่
แสดงว่า [C] ไม่มีผลต่ออัตราเร็ว นำความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนเท่าของ [C] ที่เพิ่มขึ้น กับจำนวนเท่าของ R
ที่เพิ่มขึ้นมาเขียนสมการ ดังนี้
[C]x =
R0
x =
0
กฎอัตราเร็วเป็นดังนี้ ;
R = k[A][B]2[C]0
หรือ R =
k[A][B]2
**
ค่า
k
เป็นค่าคงที่ของอัตราเร็วของปฏิกิริยานั้น ๆ ( ไม่ว่าจะคิดค่า k จากผลการทอลองใดก็จะได้ค่าเท่ากัน เช่น)
คิดจากการทดลองที่ 1 ; R =
k[A][B]2
1 =
k[1][1]2
k =
1
คิดจากการทดลองที่
2 ; R =
k[A][B]2
2 = k[2][1]2
k =
1
คิดจากการทดลองที่ 3 ; R =
k[A][B]2
4 =
k[1][2]2
k =
1
** สำหรับการทดลองที่ 5 ต้องการทราบว่า
[D] เป็นเท่าไร
จะหาได้ดังนี้
จากกฎอัตราเร็ว ; R
= k[A][B]2
= k[2][2]2
=
1 x [2][2]2
=
8 mol/dm3 ตอบ
ความยุ่งยากในการหากฎอัตราเร็วจะอยู่ที่ปฏิกิริยาซึ่งการเพิ่มความเข้มข้นของสารตั้งต้น
กับการเพิ่มขึ้นของอัตราเร็วไม่สัมพันธ์กันในรูปของเลขยกกำลังที่เป็นจำนวนเต็ม เพราะจะต้องใช้ log ในการคิดคำนวณ
เช่น
ปฏิกิริยา ;
A(aq) + B(aq) è
AB(aq) มีผลการทดลองดังนี้
การทดลองที่
|
[A]
|
[B]
|
t(sec)
|
[AB]
|
1
|
1.00
|
1.00
|
10
|
1.00
|
2
|
2.00
|
1.00
|
10
|
3.00
|
3
|
1.00
|
2.00
|
10
|
5.300
|
รูปแบบของกฎอัตราเร็วคือ ; R = k[A]m[B]n
เมื่อต้องการทราบว่า
[A]
มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาอย่างไร
ควรเปรียบเทียบระหว่างการทดลองที่
1 กับ 2
เพราะมีการเพิ่ม [A] โดย [B] คงที่
ผลการเปรียบเทียบเป็นดังนี้
[A]m = R
[2]m = 3
log[2]m = log3
m(log2) = log3
0.301m =
0.477
m =
= 1.58
เมื่อต้องการทราบว่า [B] มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาอย่างไร ควรเปรียบเทียบระหว่างการทดลองที่ 1
กับ 3 เพราะมีการเพิ่ม [B] โดย
[A] คงที่ ผลการเปรียบเทียบจะเป็นดังนี้
[B]n = R
[2]n = 5
log[2]n = log5
n(log2) = log5
0.301n = 0.699
n =
=
2.32
เพราะฉะนั้นกฎอัตราเร็วของปฏิกิริยาดังกล่าวนี้คือ ; R = k[A]1.58[B]2.32
ค่าคงที่ของอัตราเร็วจะเป็นดังนี้ (คิดจากการทดลองใดก็ได้ค่าเท่ากัน จะคิดจากการทดลองที่ 1 )
R = k[A]1.58[B]2.32
k =
=
=
1
อันดับของปฏิกิริยา ( order of reaction)
หมายถึงค่าที่แสดงว่าความเข้มข้นของสารตั้งต้นมีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาอย่างไร โดยแสดงในรูปของเลขยกกำลังของความเข้มข้นของสารตั้งต้นซึ่งแสดงอยู่ในกฎอัตราเร็วของปฏิกิริยา
โดยจะพิจารณาเฉพาะสารใดสารหนึ่งหรือจะดูรวมทั้งหมดก็ได้ เช่น
R
= k[A]0[B]0
จะเห็นได้ว่า [A]0 , [B]0 กรณีนี้แสดงว่าทั้ง [A] และ [B] ไม่มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยา ให้เรียกว่าปฏิกิริยาอันดับศูนย์ (Zero
order reaction)
ถ้ากฎอัตราเร็วของปฏิกิริยาคือ R =
k[A][B]0
จะเห็นได้ว่า [A] , [B]0 กรณีนี้แสดงว่า [A] และ
[B]
มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาไม่เหมือนกัน
คือ
[A] มีเลขยกกำลัง = 1 หมายความว่าเมื่อเพิ่ม [A] ขึ้นกี่เท่า
จำนวนเท่าของอัตราเร็วของปฏิกิริยาก็จะเพิ่มขึ้นเท่ากัน ให้เรียกผลของ [A] ว่าเป็นปฏิกิริยาอันดับ 1
(first order reaction , 1st order
reaction)
[B]0 หมายความว่า [B] ไม่มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยา จึงเป็นปฏิกิริยาอันดับศูนย์
** เมื่อรวมทั้งปฏิกิริยาคือทั้งผลของ [A] และ [B]
ก็จะเป็นปฏิกิริยาอันดับ 1 เช่นกัน
ถ้ากฎอัตราเร็วของปฏิกิริยาคือ
R
= k[A][B]
จะเห็นได้ว่าทั้ง
[A] และ
[B]
มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาเหมือนกัน
คือ [A] และ [B] มีเลขยกกำลัง = 1 ทั้ง 2 ชนิด หมายความว่าเมื่อเพิ่ม [A] หรือ [B] ขึ้นกี่เท่า
จำนวนเท่าของอัตราเร็วของปฏิกิริยาก็จะเพิ่มขึ้นเท่ากัน ให้เรียกผลของ [A] และ [B] ว่าเป็นปฏิกิริยาอันดับ 1 ทั้ง 2
ชนิด (first order
reaction , 1st
order reaction)
** เมื่อรวมทั้งปฏิกิริยาคือทั้งผลของ [A] และ [B]
ก็จะเป็นปฏิกิริยาอันดับ 2 (second order reaction , 2nd order
reaction)
ถ้ากฎอัตราเร็วของปฏิกิริยาคือ R = k[A]2[B]
จะเห็นได้ว่า [A]2 ,
[B] กรณีนี้แสดงว่า [A] และ
[B]
มีผลต่ออัตราเร็วของปฏิกิริยาไม่เหมือนกัน
คือ
[A]2 มีเลขยกกำลัง = 2 หมายความว่าเมื่อเพิ่ม [A] กี่เท่า
จำนวนเท่าของอัตราเร็วของปฏิกิริยาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นกำลัง 2 ของ [A] ให้เรียกผลของ [A] ว่าเป็นปฏิกิริยาอันดับ 2
(second order
reaction , 2st order reaction)
[B] มีเลขยกกำลัง = 1 ผลของ [B] จึงเป็นปฏิกิริยาอันดับ 1
** เมื่อรวมทั้งปฏิกิริยาคือทั้งผลของ [A]2 และ [B]
ก็จะเป็นปฏิกิริยาอันดับ 3 (third
order reaction , 3rd order reaction)
***
โดยทั่วไปแล้วการเขียนกฎอัตราเร็วจะต้องเขียนจากผลการทดลอง
ฉะนั้นตัวเลขยกกำลังของความเข้มข้นของสารตั้งต้นแต่ละชนิด มักไม่ตรงกับตัวเลขแสดงจำนวนโมลของสารนั้น
ๆ ในสมการเคมี
และตัวเลขดังกล่าวอาจมีค่าเป็นจำนวนเต็มหรือเป็นทศนิยมก็ได้
แบบฝึกหัด
1. จากปฏิกิริยาดังสมการ A(aq) + B(aq) è C(aq) + D(s)
มีผลการทดลองดังนี้
การทดลองที่
|
[A], mol/dm3
|
[B], mol/dm3
|
อัตราการเกิดปฏิกิริยา (mol/s)
|
1
|
0.1
|
0.1
|
1.2x10-5
|
2
|
0.1
|
0.2
|
4.8x10-5
|
3
|
0.2
|
0.1
|
2.4x10-5
|
1.1
จงหากฎอัตราเร็วของปฏิกิริยานี้
1.2
จงหาค่าคงที่ของอัตราเร็ว (k) ของปฏิกิริยานี้
1.3
ถ้า [A] = 0.3 mol/dm3 , [B] =
0.2 mol/dm3 อัตราเร็วของปฏิกิริยาขณะเริ่มต้นจะเป็นกี่
mol/s
2. จากปฏิกิริยาดังสมการ A(aq) + B(aq) è C(aq) มีผลการทดลองดังนี้
การทดลองที่
|
ความเข้มข้น (mol/dm3)
|
อัตราการเกิดปฏิกิริยา
(mol/dm3.s-1)
|
[A]
|
[B]
|
1
|
0.01
|
0.01
|
2.0
|
2
|
0.01
|
0.02
|
4.0
|
3
|
0.03
|
0.02
|
12.0
|
กฎอัตราเร็วของปฏิกิริยาเป็นดังข้อใด
1. R = k[A]
2. R = k[B] 3. R = k[A][B]2 4.
R = k[A][B]
3. จากข้อ 2 ค่า k
ของอัตราเร็วเป็นดังข้อใด
1.
2.0 x 106 2. 2.0 x 104 3. 2.0 x 102 4.
20
4. จากปฏิกิริยา X
+ Y è Z มีผลการทดลองดังตาราง อยากทราบว่า
m มีค่าเท่าไร
การทดลองที่
|
ความเข้มข้น (mol/dm3)
|
อัตราการเกิด Z
(mol/dm3.s-1)
|
[X]
|
[Y]
|
1
|
0.2
|
0.2
|
0.06
|
2
|
0.2
|
0.4
|
0.24
|
3
|
0.4
|
0.4
|
0.24
|
4
|
0.4
|
0.2
|
m
|
1. 0.06 2. 0.12 3. 0.24 4. 0.36
5. จากปฏิกิริยา 2A(g)
+ B(g) è 2D(g) ที่อุณหภูมิหนึ่ง
มีผลการทดลองดังตาราง
การทดลองที่
|
ความเข้มข้น (mol/dm3)
|
อัตราการเกิด D
(mol/dm3.s-1)
|
[A]
|
[B]
|
1
|
0.1
|
0.1
|
0.18
|
2
|
0.1
|
0.2
|
0.35
|
3
|
0.2
|
0.2
|
1.45
|
ข้อใดไม่สอดคล้องกับผลการทดลองนี้
- อัตราการเกิดปฏิกิริยาขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของทั้ง A
และ B
- อัตราการเกิด D จะเป็นครึ่งหนึ่งของอัตราการลดลงของ B
- ถ้าให้ปฏิกิริยาดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ อัตราการเกิด D จะลดลง
- ถ้าเพิ่มอุณหภูมิอัตราการเกิด D
จะสูงขึ้น
6. จากปฏิกิริยา
A + B è
C มีผลการทดลองดังตาราง
[A] ,mo//dm3
|
[B] ,mo//dm3
|
[C] ,mo//dm3
|
เวลา(วินาที)
|
1
|
1
|
0.5
|
25
|
1
|
2
|
1.5
|
75
|
2
|
2
|
2.4
|
60
|
4
|
3
|
a
|
20
|
ค่าของ a
เป็นกี่ mo//dm3
1. 0.08 2. 0.40 3. 0.80 4. 1.60
7. จากปฏิกิริยาดังสมการ
A + B è
C มีผลการทดลองดังนี้
[A] , mol/dm3
|
[B] , mol/dm3
|
อัตราการลดลงของ A (mol/s)
|
0.1
|
0.1
|
3.0x10-5
|
0.2
|
0.2
|
1.2x10-4
|
0.1
|
0.2
|
3.0x10-5
|
0.3
|
0.1
|
2.4x10-4
|
0.4
|
0.3
|
4.8x10-4
|
0.6
|
0.4
|
R
|
R มีค่าเท่าไร
1. 1.08x10-3 2.
8.6x10-4 3. 5.4x10-4 4. 6.0x10-5
8. . จากปฏิกิริยา 2NO(g)
+ H2(g) è H2O(g) + N2O(g) มีผลการทดลองดังตาราง
[NO]
|
[H2]
|
อัตราการเกิดปฏิกิริยา
|
0.1
|
0.1
|
1
|
0.3
|
0.1
|
9
|
0.3
|
0.2
|
18
|
อัตราการเกิดปฏิกิริยาขึ้นกับความเข้มข้นของ NO และ
H2
ดังข้อใด
1. [NO][H2] 2. [NO]2[H2] 3. [NO]3[H2]2 4. [NO]2[H2]2
9. ปฏิกิริยาระหว่างสาร
A B
และ C
โดยใช้สารทั้ง 3 ชนิดปริมาตรเท่ากัน ได้ผลการทดลองดังตาราง
การทดลอง
|
ความเข้มข้น (mol/dm3)
|
R (mol/dm3.s-1)
|
[A]
|
[B]
|
[C]
|
1
|
1.0
|
1.0
|
1.0
|
5
|
2
|
2.0
|
1.0
|
1.0
|
10
|
3
|
1.0
|
2.0
|
1.0
|
5
|
4
|
1.0
|
1.0
|
2.0
|
25
|
ถ้าอัตราการเกิดปฏิกิริยาเป็นดังนี้ R = k[A][B]0[C]2 ถ้าใช้สาร A B และ C เข้มข้น 2 mol/dm3 เท่ากัน อัตราเร็วของปฏิกิริยาจะเป็นกี่ mol/dm3.s-1
1. 15 2. 20 3. 30 4. 40
10. จากปฏิกิริยาดังสมการ NH4+(aq) + NO2-(aq) è N2(g) + 2H2O(l) มีผลการทดลองดังตาราง
การทดลองที่
|
[NH4+]
|
[NO2-]
|
อัตราการเกิดปฏิกิริยา(mol/dm3.s-1)
|
1
|
0.01
|
0.2
|
5.4x10-7
|
2
|
0.02
|
0.2
|
X
|
3
|
0.04
|
0.2
|
21.6x10-7
|
4
|
0.04
|
0.4
|
43.2x10-7
|
จากข้อมูล X ควรมีค่าเท่าไร
1. 10.8 x 10-7 2.
5.4 x 10-7 3. 21.6 x 10-7 4.
27.0 x 10-7
11.
การศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิริยาของ 2NO(g) + 2H2(g) èN2(g)
+ 2H2O(g) ได้ผลการทดลองดังตาราง
การทดลองที่
|
ความดันของ NO(atm)
|
ความดันของ H2(atm)
|
อัตราการเกิดปฏิกิริยา(atm/s)
|
1
|
0.375
|
0.500
|
6.43x10-4
|
2
|
0.375
|
0.250
|
3.15x10-4
|
3
|
0.188
|
0.500
|
1.56x10-4
|
4
|
1.000
|
1.000
|
9.00x10-2
|
ถ้าเริ่มต้นด้วยแก๊ส NO และ H2 ชนิดละ
2.0 atm
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเฉลี่ยจะมีค่าเท่าไร
 
รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
Size : 36.63 KBs
Upload : 2014-08-09 05:40:03
|
|
ต้องการให้คะแนนบทความนี้่ ?
|
สถานะ : ผู้ใช้ทั่วไป
วิทยาศาสตร์
|
|
|