ตัวละคร
ตัวละครฝ่ายไทย
1.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(พระองค์ดำ หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 กษัตริย์องค์ที่ 18 แห่งกรุงศรีอยุธยา)
มีพระบรมชนกนาถคือพระมหาธรรมราชา ทรงเป็นผู้ประกาศเอกราชหลังจากที่เสียแก่พม่าเป็นเวลา 15 ปี ทรงขยายอาณาเขตได้กว้าง และมีสงครามกับพม่าแล้วได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นพม่าก็มาระรานไทยน้อยมาก ทรงเสด็จสวรรคตขณะที่ทำศึกกรุงอังวะ โดยประชวรเป็นระยะๆที่พระพักตร์ แล้วกลายเป็นบาดทะพิษและเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2148 มีพระชนมายุทั้งสิ้น 50 พรรษา ครองราชย์ยาวนาน 15 ปี
2.สมเด็จพระเอกาทศรถ(พระองค์ขาว หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3)
เป็นพระอนุชาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นอุปราชปกครองเมืองพิษณุโลกที่มีเกียรติยศเท่ากับพระเจ้าแผ่นดิน ทรงออกทำสงครามกับสมเด็จพระนเรศวรและได้ครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระนเรศวร ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระอัครมเหสีสององค์คือ เจ้าฟ้าสุทัศน์และเจ้าฟ้าศรีเสาวภาค และมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระสนมอีกสามองค์คือ พระอินทรราชา พระศรีศิลป์ และพระองค์ทอง เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.2153 มีพระชนม์พรรษารวม 50 พรรษาเศษ ครองราชย์ทั้งสิ้น 5 ปี
3.พระมหาธรรมราชา(สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 1)
เสด็จพระราชสมภพ ในปี พ.ศ.2058 มีพระราชบิดาเป็นเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระราชมารดาเป็นพระญาติฝ่ายพระราชชนนี สมเด็จพระไชยราชาธิราชแห่งราชวงศ์สุวรรณภูมิ ทรงรับราชการเป็นที่ขุนพิเรนทรเทพ เจ้ากรมตำรวจรักษาพระองค์ หลังจากที่เหตุการณ์ความไม่สงบในราชสำนักได้สงบลง พระเฑียรราชาได้ขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ในปี พ.ศ.2091 ขุนพิเรนทรเทพก็ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา ได้รับโปรดเกล้าให้ไปครองเมืองพิษณุโลก สำเร็จราชการหัวเมืองฝ่ายเหนือ เทียบศักดิ์ได้เท่ากับพระมหาอุปราช ได้รับพระราชทานพระวิสุทธิกษัตรี พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์เป็นพระมเหสี มีพระราชโอรสและพระราชธิดาสามพระองค์คือ พระสุพรรณเทวี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ
4.สมเด็จพระวันรัต
มีขื่อเดิมคือพระมหาเถรคันฉ่อง เป็นพระมอญ จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าแก้ว(วัดใหญ่ชัยมงคลในปัจจุบัน) เป็นผู้ที่ใช้วาทศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมให้พระยาเกียรติ์และพระยารามที่พระเจ้าหงสาวดีส่งมาให้ลอบกำจัดพระนเรศวรนอมรับสารภาพและมาเข้าร่วมทัพกับสมเด็จพระนเรศวร และท่านได้ใช้วาทศิลป์ของท่านในการขอพระราชทานอภัยโทษแก่แม่ทัพที่ตามเสด็จออกรบไม่ทัน
5.พระยาศรีไสยณรงค์
เป็นแม่ทัพกองหน้าที่สมเด็จพระนเรศวรตั้งขึ้น มีกำลังพล 5 หมื่น ไปตั้งพลที่หนองสาหร่าย แต่ต้านทัพพม่าที่มีกำลัง 5 แสนไม่ได้ พระองค์จึงออกโองการให้ถอยทัพโอบล้อมและได้รับชัยชนะ พระยาศรีไสยณรงค์จึงไถ่โทษด้วยการตามทัพพระยาจักรีไปตีเมืองตะนาวศรีและมริด
6.พระราชฤทธานนท์
ปลัดทัพหน้า ที่สมเด็จพระนเรศวรแต่งตั้งให้ไปรบกับพระยาศรีไสยณรงค์
7.เจ้าพระยาจักรี
ดูแลหัวเมืองภาคกลางและเหนือ ดูแลพลเรือน จะต้องถูกประหารที่ตามเสด็จไม่ทันในครั้งที่ไปรบกับพระมหาอุปราชา แต่เพราะสมเด็จพระวันรัตได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้ และได้ไถ่โทษครั้งนั้นด้วยการไปตีเมืองตะนาวศรีและเมืองมริด
8.เจ้าพระยาคลัง
ดูแลเกี่ยวกับการต่างประเทศ จะต้องถูกประหารแต่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และได้ไถ่โทษด้วยการไปตีเมืองทวาย
9.เจ้ารามราฆพ
เป็นกลางช้างของพระนเรศวรที่ตามเสด็จทันในการรบกับพระมหาอุปราชาและไม่โดนอาญาประหารชีวิต ได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนความกล้าหาญจากสมเด็จพระนเรศวร
10.ขุนศรีคชคง
ควาญช้างของพระเอกาทศรถ ผู้ซึ่งได้รับการปูนบำเหน็จตอบแทนความกล้าหาญที่ตามเสด็จทันในสงครามยุทธหัตถีจากสมเด็จพระนเรศวร
11.นายมหานุภาพ
ควาญช้างของสมเด็จพระนเรศวรที่ทหารพม่าได้ยิงเสียชีวิต ได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เพื่อตอบแทนในความดีความชอบ
12.หมื่นภักดีศวร
กลางช้างของสมเด็จพระเอกาทศรถที่ถูกทหารพม่ายิงปืนถูกอกเสียชีวิต ได้รับพระราชทานยศและทรัพย์สิ่งของ ผ้าสำรดแก่บุตรภรรยา เพื่อตอบแทนความดีความชอบ
13.หมื่นทิพย์เสนา
นายทหารที่สมเด็จพระนเรศวรสั่งให้ไปดูทัพหน้าและนำตัวหมื่นคนหนึ่งกลับมาเข้าเฝ้า เพื่อให้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทัพหน้า และส่งข่าวให้ทัพหน้าถอยทัพเมื่อพม่าตีอย่างหนัก
14.หมื่นราชามาตย์
นายทหารที่แจ้งข่าวถอยทัพให้ทัพหน้าซึ่งเดินทางไปพร้อมกับหมื่นทิพย์เสนา คาดว่าจะเป็นนายทหารที่หมื่นทิพย์เสนานำมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนเรศวร
15.หลวงญาณโยคโลกทีป
โหรผู้ถวายคำพยากรณ์และหาฤกษ์ยามกับสมเด็จพระนเรศวร ในครั้งที่ทรงตัดสินพระทัยที่จะทำสงคราม ซึ่งได้พยากรณ์ไว้ว่าพระองค์จะได้จตุรงคโชคคือ โชคดี 4 ประการ ได้แก่ มีโชคดี , วัน เดือน ปี ในการทำสงครามดี , กำลังทหารเข้มแข็งดี , อาหารอุดมสมบูรณ์ดี และฤกษ์ในการออกทัพคือเช้า วันอาทิตย์ขึ้น 11 ค่ำ ย่ำรุ่ง 8 นาฬิกา 30 นาที ในเดือนยี่
16.หลวงมหาวิชัย
พราหมณ์ที่ทำพิธีตัดไม้ข่มนาม ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรจะนำกองทัพไปรบ
ฝ่ายพม่า
1.พระเจ้าหงสาวดี(นันทบุเรง)
กษัตริย์พม่า เดิมมีชื่อว่ามังชัยสิงห์ราช เป็นพระโอรสของบุเรงนอง เคยเป็นอุปราชและขึ้นครองราชย์ต่อจากบุเรงบอง ทรงหวังที่จะสร้างความยิ่งใหญ่แต่ทำไม่สำเร็จ สิ้นพระชนม์จากการลอบวางยาพิษ
2.พระมหาอุปราชา
ชื่อเดิมคือมังสามเกียดหรือมังกะยอชวา เป็นโอรสของนันทบุเรง เคยเป็นอุปราชาในสมัยของนันทบุเรง เป็นเพื่อนเล่นกันกับพระนเรศวรในสมัยที่ประทับกรุงหงสาวดี ทรงทำงานสนองพระราชบิดาหลายครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการสงคราม ถวายงานครั้งสุดท้ายในการยกทัพตีไทย โดยได้มาทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรแล้วสิ้นพระชนม์
3.พระยาจิดตอง
เป็นแม่กองทำสะพานจากเชือกในการข้ามแม่น้ำกระเพิน
4.สมิงอะคร้าน สมิงเป่อ สมิงซายม่วน
เป็นชื่อกองลาดตระเวนที่พระมหาอุปราชาให้หาข่าวเกี่ยวกับกองทัพไทย ก่อนที่จะยกทัพมาโจมตี
5.มางจาชโร
พี่เลี้ยงของพระมหาอุปราชา ชนช้างกับพระเอกาทศรถ และเสียชีวิตจากการถูกพระเอกาทศรถฟันด้วยพระแสงของ้าว
6.เจ้าเมืองมล่วน
เป็นควาญช้างของพระมหาอุปราชา เป็นผู้ที่ได้รับคำสั่งจากพระนเรศวรให้ไปบอกข่าวแพ้สงครามและข่าวพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ |