krusunsanee
ความงามในภาษา
ความงามในภาษา
โดย รองศาสตราจารย์จารุณี กองพลพรหม
วรรณศิลป์ คือ ความงามในภาษา เกิดจากเสียง คำ ความหมาย
คำใช้ภาษาสื่อสร้างสรรค์ แสดงออกมาเป็นภาษา เป็นร้อยแก้ว ร้อยกรอง เป็นภาษาประณีต ผู้รับสารจะประทับใจถ้อยคำที่ เรียบเรียง การเขียนด้วยถ้อยคำไพเราะ ใช้ศิลปะ
ศิลปะการประพันธ์
1. การสรรคำ
1.1 เลือกคำที่มีความหมายเหมาะสมกับเนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง เช่น นิทานใช้ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
1.2 เลือกคำโดยเพ่งเล็งเสียงของคำ
สัทพจน์ การเลียงเสียงธรรมชาติ เช่น ตะแล้กแต้กแตก จะแหลกแล้วจ้า
การเล่นคำ เช่น
นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตรา
การซ้ำคำ เช่น
รอนรอนสุริยโอ้ อัสดง
เรื่อยเรื่อยลับเมรุลง ค่ำแล้ว
อัพภาส เป็นการซ้ำคำ เช่น วะวาว ระรื่น ยะยิ้ม
การเล่นเสียงสัมผัส สัมผัสพยัญชนะ สัมผัสสระ
การเล่นเสียงวรรณยุกต์ เช่น ว่างเว้น โน่นโน้น
คำไวพจน์(การหลากคำ) คำที่เขียนต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน บางคำอาจใช้แทนกันได้ บางคำใช้ในบทร้อยกรอง เช่น
คำที่มีความหมายสวยงาม กัลยาณ ขจี เจริด จรูญ จำรูญ ฉลวย แฉล้ม ไฉไล เฉิด เฉิดฉาย ตรู พริ้มเพรา ประไพ ผุดผาด พรรณรายพริ้มเพรา รางชาง รูจี ลออ ลาวัณย์ ลำเพา สาหรี สิงคลิ้ง สุรางค์ โสภณ โสภา เสาวลักษณ์ อรชร อร่ามอล่องฉ่อง ออนชอน อะเคื้อ อันแถ้ง แอร่ม โอ่อ่า
ฉูดฉาดบาดตา = สีจัดมาก
กระจุ๋มกระจิ๋ม = น่ารัก
ชั่วช้าสามานย์ = เลวทราม
กระเจิดกระเจิง = กระจายไป
ชั่วดีถี่ห่าง = ชั่ว
กระฉับกระเฉง = คล่องแคล่วตรงข้ามเฉื่อยชา
1.3 กลวิธีเรียบเรียงคำ
เรียงข้อความที่บรรจุสารสำคัญไว้ข้างท้ายสุด
เช่น ผู้มีปัญญา จิตใจงามย่อมเป็นผู้ชน
ะ
เรียงคำ วลี หรือประโยคที่มีความสำคัญเท่า ๆ กัน เคียงกันไป เช่น
รัฐบาลของประชาชน โดย ประชาชน คือรัฐบาลที่คนไทยปรารถนา
เรียงประโยคให้เนื้อเข้มข้นขึ้นไปตามลำดับ ดุจขึ้นบันไดจนถึงขั้นสุดท้ายซึ่งสำคัญที่สุด เช่น
ข้าพเจ้าเกิดมาแล้ว แม้ข้าพเจ้าจะยากจน ข้าพเจ้าจะต่อสู้ต่อไป
เรียงประโยคให้มีเนื้อหาเข้มข้นขึ้นไปตามลำดับแต่คลายความเข้มข้นลงในช่องหรือประโยค สุดท้ายอย่างฉับพลัน
เช่น ผู้ก่อการร้ายจับตัวประกัน 3,000 คน ตัวประกันร้องขอชีวิต รัฐบาลเจรจาต่อรอง ผู้ก่อการร้ายยังคงเรียกร้องเครื่องบินยานพาหนะ รัฐบาลตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ในที่สุดผู้ก่อการร้ายปล่อยตัวประกันอย่างปลอดภัย
เรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นประโยคคำถามเชิงวาทศิลป์ เช่น
ใครหวังไม่ต้องการความรัก ใครบ้างไม่ต้องการความสมบูรณ์พูนสุข
กวีโวหารและสำนวนโวหาร
สำนวนโวหารใช้อธิบายร้อยแก้ว สร้างจินตภาพเป็นภาษาสละสลวย เป็นท่วงทำนองในการเขียนเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ เกิดความรู้สึกตรงตามความมุ่งหมายของผู้เขียน โวหารจึงเป็นไปตามประเภทและความมุ่งหมายของเนื้อเรื่อง โวหารมีประเภท
บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร และเทศนาโวหาร และโวหารย่อยซึ่งใช้แทรกในโวหารใหญ่ 2 ชนิด คือ อุปมาโวหาร และสาธกโวหาร
ลักษณะของโวหาร
1. บรรยายโวหารหรืออธิบายโวหาร คือ กระบวนความแจกแจงเรื่องอย่างละเอียดแจ่มแจ้ง หรือให้ ผู้อ่านเข้าใจและเห็นจริงแจ่มชัด โวหารชนิดนี้ใช้กับเรื่องทำนองประวัติ ตำนาน ความรู้ทางวิชาการ
2. พรรณนาโวหาร เป็นกระบวนความเล่าเรื่องเพื่อโน้มน้าวใจผู้อ่านให้เกิดภาพพจน์ อารมณ์คล้อยตามไปกับข้อความนั้น ๆ โวหารชนิดนี้ใช้กับเรื่องสดุดีชมถิ่นฐานบ้านเมือง กล่าวถึงลักษณะ รูปพรรณสัณฐานหรือคุณสมบัติของสิ่งต่าง ๆ
3. เทศนาโวหารหรือภิปรายโวหาร คือ กระบวนความโน้มน้าวผู้อ่านให้เกิดความเห็น ความเชื่อ เห็นดีเห็นงามไปกับข้อความนั้น โวหารชนิดนี้ใช้กับเรื่องที่เป็นคำสอน โอวาท การอภิปราย ชักชวน หรือโต้แย้ง
4. อุปมาโวหาร คือ กระบวนความเปรียบเทียบใช้แทรกในพรรณนาโวหาร เพื่อช่วยให้ข้อความแจ่มชัดคมคาย และเห็นภาพพจน์
กวีโวหาร ใช้เขียนร้อยกรอง การสร้างจินตภาพหรือภาพในจิตมีหลายวิธี
1. การสร้างจินตภาพ โดยการกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
2. การใช้โวหารเป็นการใช้ภาษาเพื่อใช้ภาษา เพื่อให้เกิดจินตภาพเกิดความรู้สึก อารมณ์หรือสื่อภาษาให้เกิดภาพพจน์ (Figure of Speech) มีดังนี้
อุปมา เป็นการเปรียบเทียบสิ่งสิ่งหนึ่งเหมือนสิ่งหนึ่ง ใช้คำว่า เหมือน ประดุจ ดัง ปูน เพียง ราว เสมือน
เสร็จเสวยศวรรเวศอ้าง ไอศูรย์ สรวงฤา
เย็นพระยศ
ปูน
เศียร เด่นฟ้า
อุปลักษณ์ เป็นการเปรียบเทียบเป็นสิ่งหนึ่ง เช่น อำมาตย์
เป็น
บรรทัดถ่องแท้
พ่อตาย
คือ
ฉัตรกั้นจะหายหัก
บุคคลวัต หรือบุคคลสมมุติ สมมุติให้สิ่งต่าง ๆ มีอากัปกิริยา อาการความรู้สึกเหมือนมนุษย์หรือใช้ คำว่าบุคลาธิษฐาน
น้ำเซาะหินรินรินหลากไหว ไม่หลับเลยชั่วฟ้าดินหาย
ดาวกระพริบริบหรี่เหมือนหนึ่งขยิบตาให้ท้าย
. อติพจน์ อธิพจน์ เป็นโวหารกล่าวเกินความจริง อวพจน์ โวหารที่ต่ำกว่าความเป็นจริง
คิดถึงใจจะขาด หิวจนแสบไส้
นามนัย การใช้ชื่อส่วนประกอบที่เด่นของสิ่งหนึ่ง แทนสิ่งหนึ่ง เช่น
ว่านครามินทร์ ผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราชย์
เยียววิวาทชิงฉัตร
ดอกไม้ แทน ผู้หญิง
ราชสีห์ แทน ผู้มีอำนาจ ความน่าเกรงขาม
สัญลักษณ์ การใช้สิ่งหนึ่งแต่มีความหมายคุณสมบัติร่วมกัน เช่น
มด เป็นสัญลักษณ์ของความขยัน สีเขียว เป็นสัญลักษณ์ความอุดมสมบูรณ์ ป่าคอนกรีต เป็นสัญลักษณ์เมืองหลวง
อุปมานิทัศน์ นำเรื่องนิทานเป็นตัวอย่าง ดังเช่นเรื่องความสามัคคี จิตกุศล
ปฏิพากย์ คือ การใช้โวหารบอกความตรงข้าม
เสียงน้ำซึ่งกระซิบสาดปราศจากเสียง จักรวาลวุ่นวายไร้สำเนียง
สัทพจน์ คือ การใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ
ครืนครืน ใช้ฟ้าร้อง เรียมครวญ
แหล่งที่มา
http://www.thaiunigo.com/download/thai/Thai1_main.pdf สืบค้นเมื่อ 5พ.ย.54
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล
70 หมู่ 2 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170
โทรศัพท์ 0 2441 3593 E-Mail:satriwit3@gmail.com
Generated 0.006824 sec.